5 สัญญาณเตือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วหรือยัง?

5 สัญญาณเตือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วหรือยัง?

5 สัญญาณเตือนว่ายางรถยนต์ถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว แต่มีสัญญาณเตือนอย่างไรว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางแล้ว? เชื่อว่าปัญหายางรถยนต์เสื่อมสภาพ เป็นปัญหาที่ผู้ขับขี่ทุกคนกังวลอย่างมาก เพราะมีความเสี่ยงที่จะส่งผลให้รถยนต์เกิดปัญหาแตกหรือระเบิดกะทันหัน และทำให้ไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้ ยิ่งหากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้บนท้องถนน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนตามมาได้อีกด้วย ซึ่งในบทความนี้จะชวนทุกคนมาสังเกต 5 สัญญาณเตือน ว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วหรือยัง?

ยางรถยนต์มีหน้าที่อะไรบ้าง

ก่อนจะไปถึงการสังเกตสัญญาณเตือนในการเปลี่ยนยางรถยนต์ อยากให้ทุกคนได้รู้ถึงหน้าที่ของยางรถยนต์ ว่ายางรถยนต์มีความสำคัญอย่างไร

  • รองรับน้ำหนักของรถและน้ำหนักในการบรรทุก ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกับแรงดันลมในยาง ในการรับน้ำหนักของรถ น้ำหนักที่ผู้ขับขี่ และน้ำหนักของการบรรทุกสิ่งของ 

  • ลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือนระหว่างตัวรถและพื้นถนนในขณะขับขี่ 

  • ช่วยควบคุมและเปลี่ยนทิศทางในการขับขี่ได้อย่างแม่นยำ

  • ช่วยในการขับเคลื่อนและหยุดรถ เพราะยางรถยนต์เป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนและการชะลอหยุดของรถยนต์ จึงต้องมีการตรวจเช็กสภาพของยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง

สัญญาณเตือนในการเปลี่ยนยางรถยนต์

1. ตัวบอกสภาพดอกยาง


โดยปกติแล้ว ยางรถยนต์จะมีตัวบอกสภาพดอกยางอยู่ที่ร่องตรงกลางบริเวณหน้ายาง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นสันนูนคล้ายกับสะพาน หากว่าตัวบอกสภาพนั้นมีความหนาอยู่ในระดับเดียวกับดอกยาง ก็ควรจะเปลี่ยนยางได้แล้ว หรือในกรณีที่ไม่มีตัวบอกสภาพ อาจจะใช้วิธีตรวจเช็กการใช้ไม้ขีดไฟทิ่มลงไปในร่องยาง หากทิ่มไปแล้วแต่ยังเห็นหัวไม้ขีดสีแดง แสดงว่าดอกยางเหลือน้อยและควรเปลี่ยนยางได้แล้ว

2. แก้มยาง


แก้มยางหรือเนื้อยางรถยนต์มีความเสียหาย ก็ควรจะเปลี่ยนยางรถยนต์ได้แล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่ส่วนที่สัมผัสพื้นถนนโดยตรง แต่หากเกิดความเสียหายหรือรอยแตกก็อาจนำไปสู่ปัญหายางแตกหรือยางระเบิดในระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้เช่นกัน 

3. ยางบวม


หากสังเกตเห็นว่ายางรถยนต์มีลักษณะบวม ปูด หรือนูนออกมา ก็ควรจะรีบเปลี่ยนยางในทันที ซึ่งการเกิดปัญหายางบวม อาจมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากการขับตกหลุมขนาดใหญ่ หรือเกิดการเสียดสีอย่างรุนแรงระหว่างยางและพื้นถนน

4. อายุการใช้งานของยาง


โดยทั่วไปยางรถยนต์จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 5 ปี ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความถี่ในการใช้งาน ระยะทางที่ขับขี่ และถนนที่ใช้เป็นประจำ โดยจะสามารถดูได้จากเลข 4 หลักที่อยู่บนแก้มยาง 2 หลักแรกจะหมายถึงสัปดาห์ที่ผลิตในปีนั้น ๆ โดยที่ 1 ปีจะมีทั้งหมด 52 สัปดาห์ ส่วนเลข 2 หลักหลังหมายถึงปี คศ. ที่ผลิตนั่นเอง

5. ปฏิกิริยาของยางขณะขับขี่


หากในระหว่างขับขี่ ยางรถยนต์มีการสั่นสะเทือนที่มากขึ้นกว่าปกติ รู้สึกได้ผ่านล้อหรือพวงมาลัย หรือในระหว่างขับขี่ได้ยินเสียงหอน เสียงดังคล้ายยางแตก หรือรถมีอาการกระตุกขึ้นมา ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงตามมา

บทสรุป

ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานที่จำกัด และจะขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วย รถที่ใช้ในการเดินทางทั่วไป และรถที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ ก็จะมีอายุการใช้งานและการเสื่อมสภาพของยางที่ต่างกัน โดยเฉพาะรถที่ใช้เดินทางบนถนนที่มีความขรุขระ แต่ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง ควรจะต้องเช็กสภาพของยางรถยนต์และเครื่องยนต์ให้ดีทุกครั้ง เพราะหากเกิดปัญหาระหว่างทาง อาจจะยากต่อการหาศูนย์หรืออู่ซ่อม

หากใครที่กำลังจะออกเดินทาง สามารถมาตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์พร้อมเปลี่ยนได้ที่ร้านขายยางอย่าง Nvyangyont เรียกได้ว่ามาที่เดียว ครบทุกความต้องการ พร้อมออกเดินทางได้ทันที

บทความเพิ่มเติม: