ดูปียางรถยนต์ตรงไหน? แล้วตัวเลขแต่ละตัวที่อยู่บนยางรถยนต์มีความหมายอย่างไร? รู้หรือไม่ว่าตัวเลขและตัวอักษรต่าง ๆ บนยางรถยนต์สามารถบอกข้อมูลเกี่ยวกับยางรถยนต์ได้ รวมถึงสัปดาห์และปีที่ผลิต ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่จะบ่งบอกได้ว่ายางรถยนต์จะหมดอายุตอนไหน และควรจะเปลี่ยนเมื่อไหร่ และในบทความนี้จะมาบอกต่อสัญญาณเตือนยางรถยนต์เสื่อมสภาพที่สามารถใช้ตรวจสอบได้จริง เพื่อการขับขี่บนท้องถนนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยปกติแล้ว บนยางรถยนต์จะมีตัวเลข 4 หลักที่บ่งบอกถึงสัปดาห์และปีที่ผลิตของยางรถยนต์เอาไว้ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบได้ว่ายางรถยนต์ที่กำลังใช้งานมีการผลิตปีไหน และผลิตในสัปดาห์ที่เท่าไหร่ของปีนั้น และสามารถใช้ในการคำนวณวันหมดอายุของยางรถยนต์
เลข 2 ตัวหน้า คือ สัปดาห์ที่ผลิต
เลข 2 ตัวหลัง คือ ปี ค.ศ. ที่ทำการผลิต
เมื่อดูจากเลข 4 ตัวบนยางรถยนต์ ก็จะสามารถบอกได้ว่ายางรถยนต์มีการผลิตขึ้นเมื่อไหร่ ยกตัวอย่างเช่น “0816” หมายถึง ยางรถยนต์ถูกผลิตในสัปดาห์ที่ 8 ของปี 2016 และสามารถใช้คำนวณวันหมดอายุของยางรถยนต์ เพื่อป้องกันไม่ให้ยางรถยนต์เสื่อมสภาพหรือมีการใช้งานที่นานจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้ยางรถยนต์เกิดความเสียหาย และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนตามมาได้
เนื่องจากยางรถยนต์จะมีอายุใช้งานประมาณ 3-5 ปี หรือระยะทางประมาณ 40,000-50,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพของถนนหรือพื้นที่ที่มีการเดินทางเป็นประจำ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งหากพบว่ายางรถยนต์มีปัญหาหรือเริ่มเสื่อมสภาพ ก็จะสามารถแก้ไขได้โดยเร็ว เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ หรือความเสี่ยงที่จะมีปัญหาระหว่างการเดินทางตามมาในภายหลัง
นอกจากการคำนวณวันหมดอายุจากสัปดาห์และปีที่ผลิตของยางรถยนต์ หนึ่งในสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคน คือการสังเกตและตรวจสอบยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะชวนมาสังเกตสัญญาณเตือนของยางรถยนต์เสื่อมสภาพ ดังนี้
โดยปกติแล้วควรจะมีการตรวจสอบดอกยางทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร และสามารถตรวจสอบได้จากบริเวณสะพานยางหรือบริเวณที่เป็นสันนูนที่ร่องยาง หากความลึกของดอกยางอยู่ที่ประมาณ 3 มิลลิเมตร แสดงว่าถึงเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนยางรถยนต์แล้ว แต่หากเหลือประมาณ 1.6 มิลลิเมตร แสดงว่าดอกยางหมดเกือบ 100% แล้ว เป็นสภาพยางรถยนต์ที่ไม่ควรใช้ต่อและจะต้องเปลี่ยนให้เร็วที่สุด
หากพบว่ายางรถยนต์มีร่องรอยความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการขับขี่รถยนต์ หรือปัจจัยต่าง ๆ ภายนอก ไม่ว่าจะเป็น แก้มยางแตก มีรอยรั่ว หรือมีรอยร้าว ผู้ขับขี่ควรจะนำรถไปเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่โดยเร็ว เนื่องจากร่องรอยเหล่านั้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหายางระเบิด โดยเฉพาะในการขับขี่ที่มีความเร็วมาก หรือปัญหายางปริแตกเสียการควบคุม
แม้ว่าการเติมลมยางรถยนต์จะเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ แต่หากสังเกตว่ายางรถยนต์อ่อนเร็วกว่าปกติ จำเป็นต้องเติมลมบ่อยขึ้นในการใช้งานและระยะทางเท่าเดิม ก็อาจเป็นไปได้ว่ายางรถยนต์ของคุณเริ่มเสื่อมสภาพแล้ว หรืออาจเกิดยางรั่วซึมจากก้อนหิน เศษไม้ หรือของมีคมอื่น ๆ บนท้องถนน ซึ่งก็เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วเช่นเดียวกัน
เนื้อยางรถยนต์ที่มีความแข็งกระด้างมากขึ้น จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน รวมถึงเบรกเริ่มมีเสียงดัง หรือมีระยะเบรกที่ไม่ดีเหมือนที่เคย โดยจะมีวิธีตรวจสอบง่าย ๆ โดยการลองใช้เล็บมือจิกลงบนหน้ายาง ถ้าหากจิกลงไปแล้วแต่ไม่ทิ้งรอยเล็บ แสดงว่ายางรถยนต์เริ่มหมดสภาพแล้ว และควรจะได้รับการเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่โดยเร็ว
อาการปูดบวมของยางรถยนต์มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหายางแตกหรือยางระเบิดได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่มีความรุนแรงและอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนตามมาได้ ดังนั้น หากพบว่ายางรถยนต์มีอาการปูดบวม หรือมีรอยนูนผิดปกติ ก็ควรจะเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ได้แล้ว
ยางรถยนต์มีความสำคัญสำหรับการขับขี่บนท้องถนนอย่างมาก ก่อนออกเดินทางจึงต้องมีการตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ รวมถึงสภาพเครื่องยนต์ทุกครั้ง ซึ่งในการดูวันหมดอายุของยางรถยนต์ก็สามารถดูได้จากสัปดาห์และปีที่ผลิตที่อยู่บนยางรถยนต์ เพื่อคำนวณว่าอายุการใช้งานของยางจะหมดช่วงไหน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนยางใหม่
และสำหรับใครที่ต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ ติดต่อได้ที่ NVYANGYONT เพราะเราเป็นร้านขายยางที่มีช่างผู้มีฝีมือและมากด้วยประสบการณ์ และเลือกใช้แต่ยางรถยนต์ที่มีคุณภาพเท่านั้น นอกจากนี้ที่ NVYANGYONT ยังมีสินค้าที่อีกหลากหลายอย่างให้เลือกซื้อ เช่น โช๊คสตรัท, ล้อแม็ก, สปริงโหลด เป็นต้น
ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ จะสามารถรู้ได้อย่างไร
ประเภทของยางรถยนต์ มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร
ดอกยางรถยนต์คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับยางรถยนต์