การเลือกซื้อล้อแม็กขอบ 18 เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญอย่างมาก เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ของรถ เพราะล้อแม็กไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับรถเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการควบคุมรถและความมั่นคงในการขับขี่อีกด้วย ซึ่งในปัจจุบัน มียี่ห้อล้อแม็กขอบ 18 หลายยี่ห้อมากมายให้เลือก ทำให้การตัดสินใจเลือกยี่ห้อที่ดีและตรงกับความต้องการ โดยบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับล้อแม็กขอบ 18 พร้อมแนะนำการเลือกล้อแม็กว่ามียี่ห้อไหนดีบ้าง และล้อแม็กอะไรที่ได้รับความนิยม คุ้มค่า และรองรับทุกความต้องการ
ล้อแม็กขอบ 18 นั้นมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย จึงไม่แปลกเลยที่เจ้าของรถหลายกลุ่มถึงต้องการเปลี่ยนให้กับรถคู่ใจของตนเอง ดังนั้นแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าข้อดีของการเปลี่ยนล้อแม็กขอบ 18 นี้มีอะไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกเปลี่ยนล้อแม็กของท่าน
การเปลี่ยนล้อแม็กขอบ 18 จะทำให้ล้อดูเต็มซุ้ม ไม่มีพื้นที่ว่างระหว่างซุ้มล้อกับยาง ส่งผลให้รถมีความสวยงามเฉพาะตัว ซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าการเปลี่ยนล้อแม็กที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สะดุดตา หรือสีสันฉูดฉาดสามารถเพิ่มความสวยงาม น่าดึงดูด และสเนห์ของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ล้อแม็กยังสามารถบ่งบอกตัวตนของเจ้าของรถยนต์ได้อีกด้วย
เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่หลังจากการเปลี่ยนล้อแม็กขอบ 18 แล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนยางที่มีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้มีหน้าสัมผัสมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรถยนต์ถึงเกาะถนนได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะเวลาเข้าโค้ง ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดการโยนตัวระหว่างเข้าโค้งด้วยความเร็วได้นั่นเอง
ตามที่เกริ่นไปข้างต้น เมื่อใช้ยางรถยนต์มีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย และเมื่อผิวหน้าสัมผัสที่มากขึ้น จะทำให้เมื่อรถเกิดการเบรก จะสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแล้ว การเบรกรถก็จะเกิดความมั่นคงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกังวลว่ารถจะเกิดการไถล หรือควบคุมรถไม่ได้อีกต่อไป
หลังจากกล่าวถึงข้อดีของการเปลี่ยนล้อแม็กขอบ 18 แล้ว เรามาพูดถึงข้อเสียกันบ้าง ซึ่งข้อเสียของการเปลี่ยนล้อแม็กขอบ 18 นั้นก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นแล้ว ก่อนที่เจ้าของรถจะจัดสินใจเลือกเปลี่ยนล้อแม็ก ควรทำความเข้าใจถึงข้อเสียหรือผลกระทบที่อาจจะตามมา
ตามมาตรฐานแล้ว การตั้งต่าไมล์ความเร็วจากโรงงานจะตั้งค่าไมล์ให้มีความเร็วถูกต้องตามขนาดล้อแม็กและยางแต่ละรุ่น แต่หากเปลี่ยนล้อแม็กและยาง อาจทำให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดอย่าง 'ไมล์แข็ง' ได้ หรือก็คือการแสดงความเร็วบนหน้าปัดนั้นจะน้อยกว่าความเร็วจริง ๆ โดยปัญหาไมล์แข็งนี้ อาจะส่งผลให้ผู้ใช้งานทำผิดกฎหมาย โดยไม่รู้ตัวได้ เนื่องจากการขับรถเกินความเร็วที่กฎหมายกำหนด แต่กลับกัน เรือนไมล์กลับแสดงตัวเลขที่ผิดเพี้ยน จนเกิดการเข้าใจผิดได้นั่นเอง
เป็นเรื่องปกติ เมื่อยางมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น แก้มยางก็จะเตี้ยลง ซึ่งเป็นผลให้ช่วงล่างของรถยนต์นั้นแข็งขึ้น ไม่นุ่มนวล อีกทั้ง การที่แก้มยางบางลง จะทำให้คุณสมบัติการซับแรงกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งในกรณีที่รุนแรงมากที่สุด อาจทำให้เกิด 'ล้อดุ้ง' ขณะขับขี่
การเปลี่ยนล้อแม็กและยางรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมนั้น เครื่องยนต์จำเป็นต้องใช้แรงขับเคลื่อนสูงขึ้นเป็นอย่างมากในการเคลื่อนตัวของรถ ดังนั้นแล้ว จึงไม่แปลกเลยที่หลังจากกเปลี่ยนล้อแม็กแล้ว จะส่งผลให้รถยนต์ออกตัวได้ช้าลงกว่าเดิม อีกทั้งยังทำให้อัตราเร่งของรถน้อยลงไปด้วย โดยผู้ใช้รถจำเป็นต้องระวังในจุดนี้ หากกำลังจะแซง
จากข้อเสียข้างต้น ยิ่งรถเกิดการเร่งเครื่องมากเท่าไหร่ ผลที่ตามมาเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า รถกินน้ำมันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเกิดพื้นที่เสียดทานระหว่างยางรถและพื้นผิวของถนนมากกว่าเดิม ซึ่งปกติแล้ว รถที่เปลี่ยนล้อแม็กและยางใหม่นั้นจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มมากขึ้น 2 - 3 กิโลเมตรต่อลิตร อย่างไรก็ตาม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพ ประสิทธิภาพ รวมไปถึงวิธีการขับขี่ของแต่ละคนด้วยเช่นกัน
ล้อแม็ก หรือ ล้อแม็กซ์ เป็นส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ที่มีบทบาทต่อสมรรถนะ ความสวยงาม และความปลอดภัย ซึ่งล้อแม็กแต่ละประเภทก็มีราคาที่แตกต่างกันออกไปสามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. ล้อเหล็ก หรือล้อกระทะ (Steel Wheel)
ล้อเหล็ก หรือล้อกระทะ เป็นล้อแม็กที่ผลิตขึ้นมาจากเหล็กกล้าด้วยการปั๊มและเชื่อมเป็นรูปทรงล้อ ล้อประเภทนี้มีจุดเด่นในเรื่องความแข็งแรง ทนทาน และสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ต้องใช้งานหนัก เช่น รถบรรทุกหรือรถกระบะ นอกจากนี้ยังมีราคาที่ประหยัด เมื่อเทียบกับล้อประเภทอื่น ล้อเหล็กมีน้ำหนักมาก รูปแบบไม่ค่อยสวยงาม และมีการระบายความร้อนที่ด้อยกว่าล้อประเภทอื่น
2. ล้อแม็กนีเซียมอัลลอย (Magnesium Alloy Wheel)
ตามชื่อคือเป็นล้อแม็กผลิตจากแม็กนีเซียมซึ่งเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบามาก ล้อประเภทนี้นิยมใช้ในรถแข่งหรือรถยนต์สมรรถนะสูง เพราะช่วยลดน้ำหนักของรถ ทำให้การขับขี่คล่องตัวขึ้นและประหยัดพลังงาน ข้อดีสำคัญคือ เพื่อการช่วยลดแรงเฉื่อยของล้อและเพื่อเพิ่มสมรรถนะการควบคุม ล้อแม็กนีเซียมอัลลอยมีราคาสูง และวัสดุแม็กนีเซียมยังมีความเปราะมากกว่าล้ออลูมิเนียมอัลลอย ทำให้เสี่ยงต่อการแตกหักง่ายหากได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง
3. ล้ออลูมิเนียมอัลลอย (Aluminum Alloy Wheel)
เป็นล้อที่ผลิตจากอลูมิเนียมผสมกับวัสดุอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรง การเลือกใช้ล้อประเภทนี้ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในรถยนต์ทั่วไป เนื่องจากมีการระบายความร้อนได้ดี น้ำหนักเบา และมีความทนทานในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ รูปแบบของล้ออลูมิเนียมอัลลอยยังหลากหลายและสวยงาม ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวรถ
ข้อดีเพิ่มเติมหากเลือกใช้ล้ออลูมิเนียมอัลลอย คือ เป็นล้อที่มีความสมดุลระหว่างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ทนต่อแรงกระแทกได้ดีกว่าล้อแม็กนีเซียม ขณะที่ข้อเสียคือราคาสูงกว่าล้อเหล็ก แต่ก็ยังถูกกว่าล้อแม็กนีเซียม
1. ล้อแม็กจาน (Disc Type)
การเลือกใช้ล้อแม็กรูปแบบนี้มีหน้าล้อเป็นแผ่นเรียบหรือกึ่งเรียบ มีความแข็งแรงสูง เนื่องจากโครงสร้างล้อมีความหนาและต่อเนื่องกัน เหมาะสำหรับรถที่ต้องการเน้นความทนทานและสมรรถนะ เช่น รถกระบะหรือรถออฟโรด ล้อประเภทนี้สามารถรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ดี แต่มีข้อเสียคือการระบายความร้อนอาจไม่ดีเท่าล้อแบบก้าน
2. ล้อแม็กก้านใหญ่ (Spoke Type)
ล้อแม็กรูปแบบนี้มีการออกแบบให้มีก้านขนาดใหญ่ ยึดระหว่างขอบล้อกับแกนกลาง ก้านใหญ่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับล้อและรองรับแรงกระแทกได้ดี ล้อประเภทนี้มักพบในรถที่ต้องการเน้นความสมดุลระหว่างความแข็งแรงและรูปลักษณ์ เช่น รถยนต์อเนกประสงค์หรือรถ SUV
3. ล้อแม็กก้านเล็ก (Fin Type)
ล้อแม็กก้านเล็กมีลักษณะก้านที่บางกว่าแบบ Spoke Type และกระจายอยู่โดยรอบตัวล้อ มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักล้อและระบายความร้อนได้ดีมากขึ้น ล้อประเภทนี้เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ต้องการความสวยงามและสมรรถนะ เช่น รถสปอร์ต หรือรถส่วนบุคคลทั่วไป
4. ล้อแม็กลายตาข่าย (Mesh Type)
ล้อแม็กแบบลายตาข่ายมีการออกแบบก้านให้เรียงสลับไขว้กันจนดูคล้ายตาข่าย ล้อประเภทนี้ได้รับความนิยมในรถแข่งหรือรถที่ต้องการเน้นความโดดเด่นและความหรูหรา การออกแบบลักษณะนี้ช่วยกระจายน้ำหนักได้ดีและเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างล้อ นอกจากนี้ยังช่วยระบายความร้อนได้ดี ทำให้เหมาะกับรถที่ใช้งานหนักหรือต้องการสมรรถนะสูง
ล้อแม็กขอบ 18 เป็นล้อแม็กที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 นิ้ว โดยเริ่มวัดจากขอบของล้อแม็กจากด้านหนึ่งไปยังด้านตรงข้าม ก็จะได้รับขนาดขอบของล้อแม็กมา ซึ่งล้อแม็กขอบ 18 นิ้วนี้ถือเป็นขนาดที่นิยมอย่างแพร่หลายในรถยนต์หลายรุ่น เพราะล้อแม็กขอบ 18 ให้ความสมดุลอย่างมากระหว่างความสวยงามของงานและประสิทธิภาพในการขับขี่บนท้องถนน
การเลือกล้อแม็กขอบ 18 ที่มีคุณภาพสูงไม่เพียงแต่ช่วยให้รถดูโดดเด่นและสวยงามมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่ ความแข็งแรงทนทาน และความปลอดภัยการในการขับขี่ด้วย อีกทั้งยังเพิ่มสมรรถนะของรถในด้านต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น การลดแรงสั่นสะเทือน และการควบคุมที่ดีขึ้น เป็นต้น สำหรับคนที่กำลังมองหาล้อแม็กขอบ 18 ที่มีคุณภาพสูง เรามาดูกันดีกว่าว่า มีล้อแม็กยี่ห้อไหนที่ดีและเหมาะสมบ้าง เพื่อให้ได้รับล้อแม็กขอบ 18 ที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
(อ่านเพิ่มเติม: เทคนิคเลือกล้อแม็กให้เข้ากับรถ)
OZ Racing เป็นยี่ห้อที่มีการเลือกใช้และได้รับความนิยมอย่างมากในวงการล้อแม็ก ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ต่างประเทศก็ยังเป็นที่นิยมเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มนักแข่งรถและคนที่ชื่นชอบการปรับแต่งรถ ด้วยการใช้วัสดุที่ทำมาจากอลูมิเนียมคุณภาพสูงและกระบวนการหล่อที่ทำให้ล้อแม็กมีความแข็งแรงและเบา จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่ชื่นชอบ นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการออกแบบที่สวยงามอีกด้วย การเลือกใช้ล้อแม็ก OZ Racing จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์อย่างมาก โดยมีราคาตั้งแต่ 15,000 - 50,000 บาทต่อชุด (4 ล้อ) ขึ้นอยู่กับรุ่นและรูปแบบที่ต้องการ
อีกหนึ่งแบรนด์ล้อแม็กที่มีงานคุณภาพดี แต่ราคาไม่สูงมาก โดยราคาเพียง 12,000 - 60,000 บาทต่อชุดเท่านั้นเอง ซึ่ง Enkei เป็นยี่ห้อล้อแม็กจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความแข็งแรงสูงที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงาม โดยใช้เทคโนโลยี MAT (Most Advanced Technology) ที่ทำให้ล้อแม็กเบากว่าล้อทั่วไป แต่ยังคงคุณสมบัติที่มีความทนทานต่อการใช้งานหนักและสภาพถนนที่หลากหลายอยู่ ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ที่ต้องการเดินทางในระยะทางไกล หรือผู้บริโภคที่ต้องการล้อแม็กที่สามารถทนทานต่อการขับขี่ในทุกสภาพถนน ทั้งในเมืองและนอกเมือง
HRE Wheels เป็นยี่ห้อล้อแม็กที่มีงานคุณภาพพรีเมียมจากสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงในด้านงานออกแบบที่สวยงามและประสิทธิภาพสูงในระดับสากล โดยล้อแม็กถูกผลิตขึ้นจากวัสดุคอมโพสิตคุณภาพสูง อีกทั้งยังผ่านกระบวนการหล่อแบบเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งทำให้ล้อแม็กมีคุณภาพสูง ทั้งความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาในตัว เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่มองหาล้อแม็กที่มีทั้งความสวยงามและทนทานในเวลาเดียว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และความสะดวกสบายในการขับขี่ ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 40,000 - 300,000 บาทต่อชุด ตามวัสดุและเทคโนโลยีของล้อแม็กแต่ละรุ่น
Ray's Engineering เป็นแบรนด์ล้อแม็กจากญี่ปุ่น มีราคาเริ่มต้นที่ 25,000 - 100,000 บาทต่อชุด ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดของล้อแม็ก โดยเป็นแบรนด์ล้อแม็กที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการล้อที่มีความทนทานสูงและน้ำหนักเบา รวมกับวัสดุอลูมิเนียมที่ผ่านเทคโนโลยี Forged ซึ่งทำให้ล้อมีความแข็งแรง ทนทาน และมีน้ำหนักเบากว่าล้อแม็กทั่วไปอย่างมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในการขับขี่ทั้งในเมืองและการเดินทางระยะไกล โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเจอกับแรงกระแทกจากถนนที่ไม่ขรุขระ
จากยี่ห้อล้อแม็กที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นที่มีการเลือกใช้อย่างแพร่หลายและได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ โดยมีมาตรฐานคุณภาพที่ยอดเยี่ยม เหมาะสมกับตัวรถ การใช้งาน และตอบสนองความต้องการได้อย่างครอบคลุม แต่นอกเหนือจากที่กล่าวมานี้ ยังมียี่ห้ออื่น ๆ ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่ากันอยู่ดีมาก ดังนั้นแล้ว เพื่อให้ได้รับล้อแม็กขอบ 18 หรืออื่น ๆ ที่ตรงกับความต้องการของตนเอง ไม่ว่าจะด้านความเหมาะสมในการใช้งาน ด้านราคาที่สมเหตุสมผล และด้านความสวยงามของงาน เป็นต้น จำเป็นต้องศึกษาและเข้าใจเกี่ยวกับล้อแม้กขอบ 18 ที่ต้องการเลือกซื้อให้ละเอียดก่อนทุกครั้ง เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่อาจตามมาภายหลัง
สำหรับวิธีการเลือกล้อแม็กขอบ 18 จากหลากหลายยี่ห้อนั้น ไม่เพียงแค่ด้านราคาและความสวยงามเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาจากคุณภาพและความเหมาะสมต่อสมรรถนะในการใช้งานด้วย ตั้งแต่การใช้งานเพื่อรับน้ำหนักและการเดินทางไกลบนสภาพถนนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นหรือการเดินทางไกลบนถนนขรุขระ ดังนั้นแล้ว การเลือกล้อแม็กที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการและการใช้งาน จะทำให้การทำงานของล้อแม็กเกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด
สำหรับใครที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือการปรึกษา เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกล้อแม็กขอบ 18 หรือสินค้าอื่น ๆ เราขอแนะนำ NVYANGYONT ร้านขายยางรถยนต์ ที่ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ของท่านมากที่สุด ด้วยทีมช่างมืออาชีพที่พร้อมสำหรับการให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา สามารถเข้าชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ หรือเข้ามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ทุกสาขาของ NVYANGYONT หรือโทร 084-7111458 หรือ 02-3266374