ล้อแม็กคือส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการขับขี่เป็นหลัก โดยทั่วไปแล้ว วัสดุที่ใช้สำหรับการผลิตล้อแม็กนั้นมีอยู่หลายชนิด ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดนั้นมีคุณสมบัติ ข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป โดยในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับล้อแม็กว่าคืออะไร พร้อมแนะนำวัสดุที่ใช้ในการผลิตล้อแม็ก เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกเปลี่ยนล้อแม็กของท่าน
ล้อแม็ก (Alloy Wheel) หรือที่เรียกกันว่า ‘ล้ออัลลอย’ ซึ่งเป็นล้อรถยนต์ที่ผลิตขึ้นมาจากวัสดุต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปต่างจากล้อเหล็กทั่วไป โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นแมกนีเซียมอัลลอยเป็นหลัก ซึ่งล้อแม็กทำงานควบคู่กับยางรถยนต์ โดยมีหน้าสำคัญในการช่วยการเคลื่อนตัวของรถยนต์ อีกทั้งยังเป็นส่วนที่ใช้รับน้ำหนักของตัวรถด้วยเช่นกัน
ดังนั้นแล้ว หากเลือกใช้ล้อแม็กที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งาน จะทำให้รถยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรับน้ำหนักได้ดี การขับขี่ที่มั่นคง ปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นการประหยัดน้ำมันไปในตัวได้ด้วยเช่นกัน
หลายคนอาจจะคิดว่าล้อแม็กเป็นเพียงส่วนหนึ่งของช่วงล่างรถยนต์ที่ทำหน้าที่หลักในการเคลื่อนที่ของรถยนต์เท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วล้อแม็กมีประโยชน์มากกว่านั้น ดังนั้นแล้ว เรามาดูกันดีกว่า นอกจากการเคลื่อนที่ของรถและความสวยงาม ล้อแม็กมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
เป็นเรื่องปกติที่ล้อแม็กกับยางรถยนต์ที่มีน้ำหนักเยอะสามารถหมุนได้ยากกว่า ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการลดแรงต้านการหมุน และเพิ่มอัตราเร่งของรถยนต์ให้ดีมากยิ่งขึ้น การเลือกใช้ล้อแม็กน้ำหนักเบาจะเหมาะสมอย่างมาก รวมไปถึงทำให้รถยนต์ประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ล้อแม็กที่มีน้ำหนักเบา หรือไม่หนักมาจนเกินไป จะเป็นส่วนช่วยสำคัญในการยืดอายุการใช้งานของระบบช่วงล่างรถได้เป็นอย่างดี เพราะจะทำให้รถยนต์ไม่รับน้ำหนักและทำงานหนักมากเกินไป
ล้อแม็กเป็นส่วนที่เก็บความร้อนสูง เนื่องจากเกิดการเสียดสีและการหมุนด้วยความเร็วขณะขับขี่ ซึ่งหากล้อแม็กเก็บความร้อนมากจนเกินไป จะส่งผลให้ยางร้อนขึ้น ทำให้แรงเสียดทานในการเบรกของรถยนต์ลดน้อยลงตามไปด้วย ซึ่งล้อแม็กจึงถูกออกแบบมาให้สามารถระบายความร้อนที่เก็บภายในล้อได้เป็นดีลง เพื่อลดความเสียหายต่อล้อแม็กและยางรถยนต์
ในปัจจุบันมีล้อแม็กที่ผลิตจากวัสดุแตกต่างกันออกมาอย่างหลากหลายมาก แต่กระนั้น วัสดุที่ใช้ผลิตล้อแม็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้นวัสดุ 4 ชนิดนี้ ได้แก่ อะลูมิเนียม แม็กนีเซียม เหล็ก และวัสดุผสม ดังนั้นแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
อะลูมิเนียมเป็นวัสดุยอดนิยมสำหรับการผลิตล้อแม็กเลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยการออกแบบที่สวยงานเป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติโดดเด่นในด้านความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาอีกด้วย จึงทำให้ล้ออะลูมิเนียมเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ แต่ไม่ต้องการน้ำหนักล้อที่มากเกินไป
หากพูดถึงล้อจากวัสดุชนิดไหนที่มีน้ำหนักเบาที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘แมกนีเซียม’ เพราะแมกนีเซียมมีน้ำหนักเบาเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นความแข็งแรงก็ไม่ได้น้อยตามน้ำหนักไป จึงทำให้เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานการแข่งขัน เนื่องจากล้อแมกนีเซียมไม่เพียงแต่เด่นในด้านน้ำหนักเท่านั้น ยังทนทานต่อแรงกระแทกและความร้อนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
เป็นวัสดุที่มีราคาถูกที่สุดในหมู่วัสดุยอดนิยมสำหรับการผลิตล้อแม็ก 4 ชนิด โดยมีคุณสมบัติที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี มีความแข็งแรง ทนทานสูงเป็นอย่างมาก แต่กระนั้น น้ำหนักที่มากกว่าล้อประเภทอื่นเกือบเท่านั้นเป็นข้อเสียที่เห็นได้ชัดของล้อเหล็ก ส่งผลให้ล้อเหล็กเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นผิวถนนที่ขรุขระ หรือยากลำบากในการเข้าถึงนั่นเอง
วัสดุผสม หรือที่รู้จักกันคือ ‘อัลลอย’ เป็นวัสดุที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างอะลูมิเนียม (Aluminium) และวัสดุอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซิลิคอน (Silicon) หรือแม็กนีเซียม (Magnisium) ทำให้ล้อแม็กที่ผลิตจากอัลลอยมีความแข็งแรง ทนทาน รวมไปถึงน้ำหนักเบาอีกด้วย แต่กระนั้นก็ต้องแลกมากับราคาที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังต้องการการดูแลรักษาที่มากกว่าล้ออื่น ๆ
ล้อแม็ก เป็นส่วนสำคัญของรถยนต์เป็นอย่างมาก หากขาดล้อแม็กไปแล้ว มั่นใจได้เลยว่ารถยนต์ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน วัสดุที่ใช้สำหรับการผลิตล้อแม็กอยู่หลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นแล้ว ก่อนเลือกเปลี่ยนล้อแม็ก ควรทำความเข้าใจถึงจุดประสงค์การใช้งาน เพื่อเลือกล้อแม็กที่เหมาะสมมกับรถยนต์มากที่สุด
ล้อแม็กคุณภาพสูง ที่มาในราคาย่อมเยา ต้องที่ NVyangyont ร้านขายยางที่มีบริการเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถยนต์อย่างครอบคลุม ตอบโจทย์ทุกความต้องการของท่านอย่างแน่นอน สามารถเข้าไปเลือกชมได้ที่เว็บไซต์ หรือติดต่อสอบถามที่เบอร์ 02-326-6374