รถยางระเบิด ทำไงดี? ปัญหายางระเบิด ทั้งยางรถยนต์ระเบิดและยางมอเตอร์ไซค์ระเบิด เป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ผู้ขับขี่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นยางรถยนต์ด้านหน้าหรือด้านหลัง ล้วนมีความเสี่ยงที่อาจจะนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้! แม้หลายคนอาจมองว่าเป็นเหตุการณ์ไกลตัว แต่อุบัติเหตุยางระเบิดมักมีสาเหตุที่ถูกมองข้ามบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น แรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสม สภาพถนน หรือแม้แต่พฤติกรรมการขับขี่ในชีวิตประจำวันเองก็ตาม
แล้วเราจะมีวิธีป้องกันอย่างไรให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องลุ้นกลางทางว่ายางรถจะแตกหรือเปล่า? เพราะความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของโชคชะตา! โดยในบทความนี้เราจะพามาดูสาเหตุของการเกิดปัญหายางรถระเบิด พร้อมวิธีการรับมืออย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนนตามมา
ยางระเบิด เกิดจากสาเหตุอะไร
สาเหตุที่ทำให้ยางระเบิด เกิดขึ้นจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ซึ่งในหลาย ๆ ปัจจัยก็สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด หรือเกิดขึ้นแบบกะทันหันจนเตรียมรับมือไม่ทัน แต่หากรู้ทันสาเหตุที่อาจจะทำให้ยางรถระเบิดในระหว่างเดินทางได้ เชื่อว่าผู้ขับขี่ทุกคนจะเตรียมรับมือได้ และเมื่อเกิดเหตุขึ้นมาระหว่างทางก็จะไม่สติแตกจนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งสาเหตุของยางระเบิดมีอยู่หลายอย่าง ได้แก่
ความดันลมยางต่ำเกินไป หรือสูงเกินไป
ยางรถยนต์เสื่อมสภาพ ทั้งจากอายุการใช้งาน และพฤติกรรมการขับขี่
รถบรรทุกน้ำหนักมากเกินไป
มีเศษแก้ว ตะปู หรือเศษวัตถุอื่น ๆ แทงทะลุยาง ทำให้ยางรั่วและนำไปสู่ปัญหายางระเบิดได้
การขับขี่เป็นเวลานาน หรือมีการขับขี่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัด อาจส่งผลทำให้ยางร้อนเกินไปและยางระเบิดได้
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ายางกำลังอยู่ในขั้นวิกฤตและกำลังจะระเบิด สัญญาณเตือนหรืออาการยางระเบิด คือ ได้ยินเสียงหอน เสียงดังกึกกักที่ผิดปกติในขณะขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงที่ขับผ่านพื้นถนนไม่เรียบ หรือเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงแล้วพวงมาลัยหรือตัวรถมีการสั่นผิดปกติ เมื่อพบสัญญาณเหล่านี้ก็ควรจะรีบหาทางเตรียมรับมือโดยเร็ว!
การตรวจสอบความดันลมยางรถเป็นประจำ คือวิธีการป้องกันที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด เนื่องจากยางรถยนต์ที่มีความดันลมยางที่เหมาะสม จะช่วยให้ยางรับน้ำหนักได้ดี ไม่ร้อนเกินไป และช่วยยืดอายุการใช้งานของยาง โดยปกติแล้วจะใช้เครื่องวัดความดันลมตรวจสอบความดันลมยางเป็นประจำทุกเดือน หรือตามระยะทางที่เหมาะสม
ความสึกหรอของดอกยาง เป็นสิ่งที่ส่งผลทำให้การยึดเกาะถนนลดลง โดยที่ผู้ขับขี่ควรจะตรวจสอบดอกยางว่ามีการสึกหรอหรือความเสียหายมากเกินไปหรือไม่? หรือมีรอยร้าว ปูด หรือบวมที่ขอบยาง ซึ่งหากพบร่องรอยความเสียหายต่าง ๆ เหล่านี้ควรจะเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ในทันที
โดยปกติแล้ว อายุการใช้งานของยางอยู่ที่ประมาณ 40,000 กิโลเมตร หรืออยู่ที่ประมาณ 4-5 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคน ซึ่งหากครบกำหนดแล้วก็ควรเปลี่ยนยางใหม่ แม้ดอกยางจะยังไม่หมด และควรสลับยางตามระยะทางที่เหมาะสม เพราะจะช่วยให้ดอกยางสึกหรออย่างสม่ำเสมอ และช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้
บอกเลยว่าพฤติกรรมการขับขี่ส่งผลต่อยางรถยนต์ได้ หากต้องการป้องกันไม่ให้ยางระเบิดหรือยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ควรจะหลีกเลี่ยงการขับขี่บนถนนที่ขรุขระ รวมถึงการบรรทุกน้ำหนักเกิน และจะต้องขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม เพราะการขับขี่ด้วยความเร็วสูงจะทำให้ยางเสียดสีกับพื้นถนนมากขึ้น
การเลือกยางรถยนต์ใครว่าไม่สำคัญ? การเลือกยางรถยนต์ก็จะต้องเลือกยางที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เลือกซื้อจากร้านขายยางหรือร้านอะไหล่รถยนต์ที่น่าเชื่อถือ เพราะยางที่มีคุณภาพจะสามารถทนต่อการใช้งานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และที่สำคัญ จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพถนนร่วมด้วย
หากต้องการยางรถยนต์คุณภาพดี มีให้เลือกมากมาย สามารถเลือกซื้อและสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญได้ที่ ‘NV Yangyont’ ร้านขายยางที่มีสินค้าคุณภาพดีให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น ยางรถยนต์ ล้อแม็ก โช๊คสตรัท สปริงโหลด และอุปกรณ์เสริมรถยนต์อื่น ๆ พร้อมด้วยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับรถยนต์อย่างครบวงจร
ปัญหายางระเบิด เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากพบเจอ และแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เพราะยางรถยนต์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการขับเคลื่อนรถ ทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากที่สุด ไม่เพียงแค่ความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารภายในรถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมใช้รถใช้ถนนทุกคนด้วยเช่นกัน